กรอบความคิด หรือ Mindset เปรียบได้กับกุญแจดอกสำคัญที่จะบอกว่าคุณกำลังเปิดประตู่สู่ความสำเร็จ หรือกักขังตัวเองไว้กับอดีต นั่นเพราะกรอบความคิดของคนสะท้อนถึงการใช้ชีวิตและการแสดงออกที่แตกต่างกันออกไป
การมี Mindset ที่เปิดกว้างจะเป็นตัวที่ช่วยผลักดันให้คนกล้าคิด กล้าลงมือทำสิ่งใหม่ๆ กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เข้ากับบริบททางสังคมที่เปลี่ยนไป และเปิดใจกว้างรับฟังความคิดเห็นต่างๆ เพื่อนำมาพัฒนาตนเองอยู่เสมอ โดยไม่ยึดติดกรอบหรือความสำเร็จเดิมๆ ในอดีต
คุณสรัญญา วัฒนศิริสุข รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส ฝ่ายทรัพยากรบุคคล กลุ่มบริษัทอิตัลไทย อธิบายว่าที่อิตัลไทย เราใช้ Mindset เป็นเกณฑ์หนึ่งในการพิจารณาบุคคลากรของเรา นับตั้งแต่การคัดเลือกบุคคลเข้ามาร่วมงาน ตลอดจนถึงการให้รางวัลในผลการทำงานต่างๆ กับบุคลากรของเรา
ในการพิจารณาคัดเลือกบุคลากรใหม่ที่อิตัลไทยเราจะพิจารณาเรื่องของ Mindset ควบคู่ไปกับประสบการณ์ทำงานด้วยน้ำหนักที่เท่าเทียมกัน เพราะมองว่าหากผู้สมัครมีประสบการณ์มาก แต่มีกรอบความคิดที่ไม่ยืดหยุ่น หรือ Fixed Mindset บุคคลลักษณะนี้ เมื่อเจอความท้าทายหรืออุปสรรคใหม่ที่ไม่คุ้นเคยก็เป็นไปได้สูงที่อาจเลือกใช้วิธีการหลีกเลี่ยงเพราะกลัวความผิดพลาดหรือความยุ่งยากที่อาจเกิด ซึ่งจะส่งผลให้องค์กรมีอัตราการเติบโตที่ช้าและไม่ต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับบุคคลที่อาจจะยังผ่านประสบการณ์มาไม่มากแต่มีกรอบความคิดแบบเติบโต หรือ Growth Mindset คนกลุ่มนี้กลับมีโอกาสได้รับการว่างจ้างที่มากกว่า เพราะมองว่าด้วยกรอบความคิดแบบ Growth Mindset จะผลักดันให้คนพร้อมที่จะพัฒนาตัวเองไปข้างหน้าอยู่เสมอ สนุกกับการเรียนรู้และทดลองทำสิ่งใหม่ๆ หากล้มเหลวก็สามารถลุกขึ้นได้ไว ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้องค์กรสามารถก้าวเดินได้อย่างมั่นคง ไปสู่ความสำเร็จได้ตามเป้าหมายไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร รวมถึงตัวบุคคลเองก็จะเติบโตได้ไวด้วย
…เรียกได้ว่าทั้งคนและองค์กรได้ประโยชน์ทั้งคู่…
สำหรับพนักงานปัจจุบันขององค์กรเอง ในการประเมินผลงานประจำปี ในเรื่องของการเลื่อนตำแหน่งหรือพิจารณาปรับเงินเดือน ทัศนคติก็จะถูกหยิบขึ้นมาเป็นหนึ่งในตัวชีวัดที่องค์กรให้น้ำหนักในการประเมินร่วมกับผลงานตามเป้าหมาย ที่วางไว้ด้วยเช่นกัน เพื่อให้แน่ใจว่ารางวัลจากความสำเร็จที่ได้รับนี้สะท้อนถึงคุณค่าของบุคคลคนนั้นได้อย่างแท้จริง รวมทั้งยังเป็นการสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงานคนอื่นๆ ในองค์กรได้เห็นถึงความสำคัญของการใช้ทัศนคติที่เปิดกว้างนี้ในการทำงาน เพื่อสร้างความสำเร็จให้กับตัวเองด้วยเช่นกัน ซึ่งในภาพรวมจะส่งผลไปถึงการขับเคลื่อนองค์กรให้สามารถเดินไปยังเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้
นอกเหนือจากการนำ Mindset มาใช้พิจารณาพนักงานแล้ว ที่อิตัลไทยยังให้ความสำคัญในเรื่องการปลูกฝังและพัฒนากรอบความคิดแบบเติบโตให้กับพนักงานของเราอย่างต่อเนื่องด้วย ผ่านโปรแกรมการเรียนรู้ต่างๆ รวมถึงมีเวทีให้พนักงานของเราได้ลงมือทำจริง
อาทิเช่น โครงการ ER (ที่มาจากคำว่า Emergency Room) ซึ่งเป็นโครงการพิเศษที่นำเอาพนักงานจากหลากหลายฟังก์ชั่นเข้ามาทำโปรเจคพิเศษร่วมกันเพื่อนำเอามุมมองที่หลากหลายจากความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกันมาร่วมกันแก้ไข Pain point ต่างๆที่เกิดขึ้นในองค์กร ทั้งกระบวนการทำงาน หรือวิธีการทำงาน รวมถึงหาโปรเจคใหม่ๆ ที่จะช่วยให้บริษัทพัฒนาไปข้างหน้าได้ หรือ โครงการ Awakening ที่นำเอาพนักงานที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่จากหลายระดับและต่างสายธุรกิจภายใต้กลุ่มบริษัทอิตัลไทยเข้ามาทำโครงการนี้ร่วมกันเพื่อร่วมกันสร้างวิถีวัฒนธรรมองค์กรอิตัลไทย ผ่านรูปแบบใหม่ๆ ที่บางอย่างก็เป็นการทดลองทำขึ้นในครั้งแรก ซึ่งสิ่งเหล่านี้คุณสรัญญามองว่าเป็นการสนับสนุนและเสริมสร้างการพัฒนาทัศนคติเชิงบวกได้อย่างดี ให้กับคนในองค์กร
ถึงแม้ว่าในปัจจุบันการมีทัศนคติแบบ Growth Mindset อาจจะยังไม่ได้เกิดกับพนักงานของเราได้ทุกคน และยังต้องพัฒนาต่อไปอีก แต่เชื่อว่า เมื่อคนส่วนใหญ่มีความเชื่อแบบไหน ก็จะสามารถชักนำคนส่วนที่เหลือให้มีความเชื่อแบบนั้นตามมาได้ในที่สุด