Italthai Group

27/08/2021

เมื่อเด็กก็ไม่ได้รู้ทุกเรื่อง และผู้ใหญ่ก็อาจไม่ได้รู้ทุกอย่าง

เมื่อสังคมที่เราอยู่ไม่ได้ส่งเสริมให้มีการ “ตั้งคำถาม หรือ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น” มากนัก หากแต่สนับสนุนให้ “ฟัง จำ และทำตาม” เพื่อให้เรื่องที่ทำนั้นจบไปได้ จึงทำให้คนในสังคมขาดการฝึกฝนทักษะ Critical Thinking รวมไปถึง Creativity ด้วย และนี่คือการโดนจำกัดกรอบทางความคิด ซึ่งการถูกตีกรอบความคิดมากเกินไป จะทำให้คนที่อยู่ในสังคมนั้นกลายเป็นคนที่ไม่กล้าตั้งคำถามกับสิ่งที่เป็นอยู่ หรือ กล้าสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่อาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนในสังคมและองค์กรต้องการอย่างมากในปัจจุบันนี้ และต่อจากนี้ไป

ในสังคมบ้านเรามักจะปลูกฝังให้ผู้น้อยต้องเชื่อและทำตามสิ่งที่ผู้ใหญ่บอกให้ทำหรือสั่งสอนมา เพราะความเชื่อที่เชื่อว่าผู้ใหญ่ผ่านอะไรมามาก มีประสบการณ์มาก่อน โดยไม่ต้องคิดหรือหาคำตอบด้วยตัวเอง แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้คนเข้าถึงเทคโนโลยีได้ง่ายขึ้น สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างกว้างไกล จึงทำให้คนเริ่มมองเห็นโลกจากหลากหลายแง่มุมมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เติบโตและคุ้นเคยกับการเข้าถึงเทคโนโลยีต่างๆ ได้เร็วกว่าคนรุ่นก่อน จึงทำให้คนรุ่นใหม่กล้าที่จะตั้งคำถามกับตัวเอง หรือผู้ที่สูงวัยกว่า ซึ่งหากผู้ใหญ่ยังไม่ยอมรับกับการตั้งคำถามในความสงสัยนี้ ก็มักจะพบปัญหาความขัดแย้งระหว่างเจเนอเรชันได้ โดยเฉพาะระหว่างเด็ก Gen Y – Z ที่พร้อมจะสงสัยและกล้าตั้งคำถามกับผู้ใหญ่โดยเฉพาะในยุค Baby Boomer ที่ยังคงให้ความสำคัญในเรื่องของลำดับชั้นและการเชื่อฟังอยู่ ซึ่งปัญหาของการปลูกฝัง และ Generation เป็นปัญหาคลาสสิคที่พวกเราได้ยินได้ฟังมาโดยตลอด และปัญหานี้ก็มักจะส่งผลต่องานที่ต้องดำเนินร่วมกัน รวมถึงความเชื่อมั่นในบุคคลที่ต้องอยู่ร่วมกันในสังคมหรือองค์กร

การบอกให้เชื่อกับสิ่งที่ถ่ายทอดกันต่อๆมาก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ผิด เพราะหากมองดีๆ ในความเชื่อนั้นก็เคยได้ผ่านกระบวนการคิด และลงมือทำมาแล้วไม่มากก็น้อย จนได้รับการยอมรับ แต่หากเรานำความเชื่อเหล่านั้นไปต่อยอดและปรับให้เข้ากับบริบทที่เปลี่ยนแปลงด้วยมุมมองที่หลากหลายและเป็นปัจจุบันมากขึ้น เปิดโอกาสให้มีการตั้งคำถามและหาคำตอบร่วมกัน รับฟังความเห็นของกันและกัน พูดคุยกันด้วยเหตุผล มากกว่าใช้อารมณ์และอำนาจ หรือ Ego ของตัวเอง ถ้าอีกฝ่ายมีความเห็นไม่เหมาะสม ก็สามารถอธิบายให้ฟังกันได้ด้วยหลักการเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ตามความเชื่อจากประสบการณ์ในอดีตที่คนรุ่นใหม่อาจเข้าใจ ก็จะกลายเป็นความแนวคิดและแนวทางปฏิบัติที่ได้รับการยอมรับอย่างเข้าใจ และมีพัฒนาไปข้างหน้าได้อย่างไม่หยุดนิ่ง

สุดท้ายนี้ไม่ว่าจะเด็กกว่า หรือโตกว่า ทุกคนมีความคิด ความเชื่อ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาต่างกัน ไม่มีสิ่งไหนต้องยึดติดอย่างตายตัว เพราะประสบการณ์ความสำเร็จในอดีตอาจใช้ไม่ได้ในปัจจุบัน และหากลงมือทำโดยไม่อิงกับเรื่องราวในอดีตก็อาจเริ่มต้นด้วยการล้มเหลวได้เช่นเดียวกัน เราสามารถนำสิ่งเหล่านั้นมาแบ่งปันและแลกเปลี่ยน เพื่อทางออกที่ดีที่สุดร่วมกันได้ เพียงแค่ทุกคน “เปิดใจ” “ยอมรับ” และ“รับฟัง”แล้วมาพูดคุยด้วยเหตุผลเพื่อร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งที่ดีกว่าที่เคยทำ เพื่อให้สังคม และองค์กรของเราไปต่อได้

และนี่คือสิ่งที่สังคมและองค์กรต้องการมากที่สุดในตอนนี้

ที่อิตัลไทย เราเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงออกในความคิดเห็นเพื่อให้ได้มุมมองที่หลากหลายมาร่วมกันพัฒนาประสบการณ์ สินค้า และบริการของเราอยู่ตลอดเวลา ไม่ยึดติดกับความสำเร็จเดิมๆ แต่พร้อมที่จะพัฒนาตัวเองกับความท้าทายใหม่ๆในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ด้วยความมุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้ต่อทุกอุปสรรคที่เข้ามาขัดขวาง

แหล่งที่มา: mission to the moon